แนวทางการออกกำลังกาย แบบไม่ต้องมีเทรนเนอร์
ในยุคปัจจุบันนี้ เทรนด์รักสุขภาพและการออกกำลังกายนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งผู้คนทั่วไปเริ่มหันกลับมาสนใจและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยวิธีการออกกำลังกายที่ถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันนั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นการไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสนั่นเอง ทั้งนี้ในการไปออกกำลังกายในโรงยิมหรือฟิตเนสนั่น ไม่เพียงแต่จะสะดวกสบายจากเครื่องเล่นและอุปกรณ์ต่างๆที่ครบครันเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยให้ได้พบเจอเพื่อนหรือสังคมใหม่ๆที่หาไม่ได้ในชีวิตประจำวัน อีกด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับมือใหม่ที่ตัดสินใจเริ่มต้นการไปฟิตเนสนั่น หลายๆคนอาจจะเกิดความสับสน งุนงง และเก้อเขิน ทำตัวไม่ถูก และไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยเครื่องเล่นชนิดใด หรือจะออกกำลังกายในส่วนไหนดี จนต้องตัดสินใจจ้างเทรนเนอร์เพื่อมาเป็นไกค์นำทางในการออกกำลังกาย ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในหลักหลายๆพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นต่อเดือนเลยทีเดียว ทั้งนี้สำหรับหลายๆคนที่ยังไม่ต้องการเสียเงิน หรือไม่งบประมาณไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในส่วนนี้นั้น วันนี้เรามีแนวทางการออกกำลังกาย แบบไม่มีเทรนเนอร์มาฝากกัน เพื่อให้สามารถเริ่มต้นกำหนดทิศทางกายออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อในราคาที่แพงแสนแพง นั่นเอง
จัดตาราง
เนื่องจากในการออกกำลังกายโดยทั่วไปนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบหลัก นั่นก็คือ
- การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เพื่อลดน้ำหนักหรือเผาผลาญไขมัน
- การเวทเทรนนิ่ง เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
ด้วยเหตุนี้ก่อนจะเริ่มต้นการออกกำลังกาย จึงควรมีเป้าหมายและจัดตารางที่ต้องทำให้แต่ละวันให้จัดเจน เช่น วันนี้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มะรืนนี้ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้เมื่อเกินทางไปถึงฟิตเนสแล้วสามารถเริ่มต้นได้ทันทีโดยไม่สับสนงุนงง หรือหลงทางกับสิ่งที่ต้องการทำนั่นเอง
เตรียมพร้อมด้วยการ Warm up ร่างกายก่อนเล่น และรู้จักการ Cool down หลังการออกกำลังกาย
ในการออกกำลังกายนั้นไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบหรือประเภทใด สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมความพร้อมให้กับกล้ามเนื้อและร่างกายได้ปรับตัวก่อนเสมอ ทั้งนี้ ก่อนออกกำลังกายนั้น อาจจะใช้ท่าการบริหารกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ เป็นะระยะเวลา ประมาณ 10 – 15 นาที นอกจากนี้ภายหลังจากการออกกำลังกายเสร็จแล้ว ก็ควรมีการ Coll down ด้วยลดระดับความหนักของการออกกำลังกายเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหยุดในที่สุด การกระทำทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยปรับสภาพความพร้อมของร่างกายและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยให้ระบบต่างๆภายในร่างกาย สามารถทำงานได้อย่างสมดุล รวมไปถึงช่วยลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บในส่วนต่างๆภายในร่างกายที่อาจจะเกิดขึ้นหากไม่ได้รับการ warm up หรือ cool down อีกด้วย
สังเกตุและกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนตามความต้องการ
ในส่วนนี้คือการรู้จักร่างกายของตัวเองให้ดี ว่าต้องการออกกำลังกายเพื่ออะไร เช่นบางคนอาจจะต้องการลดน้ำหนัก, บางคนต้องการสร้างความตึงกระชับ, บางคนอาจจะต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ หรือบางคนอาจจะต้องการลดในบางส่วนและเพิ่มในบางส่วนของร่างกาย ซึ่งทั้งหมดนี้ หากสามารถรู้อย่างแน่ชัดแล้ว ก็จะช่วยให้สามารถกำหนดแนวทางการออกกำลังกายได้อย่างชัดเจนมากขึ้นตามความต้องการที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละคน
อาหาร
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การออกกำลังกายของคุณแสดงผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่หรือไม่นั้น ก็คือการเลือกรับประทานอาหารนั่นเอง ทั้งนี้หากสามารถรู้หลักในการรับประทานโดยการควบคุมประเภทและปริมาณของอาหารที่ทานในแต่ละวันได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมไปถึงหากทำร่วมกันกับการออกกำลังกายที่ถูกวิธีและสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ ผลลัพธ์ทั้งหมดที่ได้ ก็จะแสดงออกมาในระดับที่น่าพึงพอใจ สมกับความพยายามทั้งหมด ที่ลงทุนลงแรงไปอย่างแน่นอน
และทั้งหมดนี้คือแนวทางพื้นฐานที่จะทำให้ แนวทางการออกกำลังกาย แบบไม่มีเทรนเนอร์สามารถเริ่มต้นได้อย่างไม่หลงทาง สิ่งสำคัญคือการรู้จักสัดส่วนและมีเป้าหมายที่แน่ชัดในการออกกำลังกาย เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางและโปรแกรมการออกกำลังกายของตัวเองได้ โดยไม่ต้องฝึกหรือทำตามใคร ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามความต้องการและได้ประโยชน์มากที่สุดตรงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในตอนเริ่มต้นนั่นเอง